ลวดตาข่ายสำหรับงานก่อสร้าง การใช้ในโครงสร้างและการเสริมแรง

ลวดตาข่ายสำหรับงานก่อสร้าง : การใช้ในโครงสร้างและการเสริมแรง

ลวดตาข่ายเป็นวัสดุสำคัญที่ใช้ในงานก่อสร้างเพื่อเสริมความแข็งแรงของโครงสร้าง ป้องกันการแตกร้าว และช่วยให้งานก่อสร้างมีความทนทานมากขึ้น ลวดตาข่ายมีหลายประเภทที่เหมาะสมกับงานก่อสร้างแต่ละประเภท เช่น งานคอนกรีตเสริมเหล็ก งานฉาบปูน และงานปูพื้น บทความนี้จะอธิบายถึง ประเภทของลวดตาข่ายที่ใช้ในงานก่อสร้าง และ วิธีเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท

 

1. ประเภทของลวดตาข่ายที่ใช้ในงานก่อสร้าง

1.1 ลวดตาข่ายเชื่อม (Welded Wire Mesh)

ลวดตาข่ายเชื่อมเป็นตาข่ายที่ทำจากลวดเหล็กนำมาเชื่อมติดกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทั้งแบบชุบสังกะสีและเคลือบพีวีซี

คุณสมบัติ

  • แข็งแรงและทนทาน
  • รับน้ำหนักได้ดี เหมาะสำหรับงานโครงสร้าง
  • มีทั้งแบบแผ่นและแบบม้วน

การใช้งาน

  • ใช้เป็นโครงเสริมคอนกรีตสำหรับพื้น ผนัง และหลังคา
  • ใช้เสริมแรงในการฉาบปูน ลดการแตกร้าว
  • ใช้ในงานรั้วและโครงสร้างกันกระแทก

1.2 ลวดตาข่ายหกเหลี่ยม (Hexagonal Wire Mesh หรือ Chicken Wire)

ลวดตาข่ายหกเหลี่ยมเป็นลวดที่นำมาสานกันเป็นรูปหกเหลี่ยม มีความยืดหยุ่นสูง

คุณสมบัติ

  • น้ำหนักเบาและติดตั้งง่าย
  • มีแบบเคลือบสังกะสีและพีวีซีเพื่อลดการเกิดสนิม
  • ช่วยกระจายแรงและลดการแตกร้าวของปูน

การใช้งาน

  • ใช้เป็นโครงเสริมแรงก่อนฉาบปูนในงานผนังอิฐและปูนปลาสเตอร์
  • ใช้ในงานฉาบฝ้าและกำแพงเพื่อป้องกันการแตกร้าว
  • ใช้เป็นตาข่ายรองรับการพ่นปูนซีเมนต์

1.3 ลวดตาข่ายกรงไก่สำหรับงานฉาบปูน (Plastering Wire Mesh)

เป็นลวดตาข่ายที่มีขนาดช่องเล็กกว่าลวดตาข่ายหกเหลี่ยมและมีความหนามากกว่า

คุณสมบัติ

  • ยึดเกาะกับปูนได้ดี ช่วยลดการแตกร้าว
  • สามารถรองรับแรงกดและแรงดึงจากการฉาบปูน
  • ใช้ในงานก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูง

การใช้งาน

  • ใช้เสริมกำลังให้กับปูนฉาบในงานก่อสร้าง
  • ใช้ในงานผนังคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่อช่วยป้องกันรอยแตกร้าว
  • ใช้เสริมแรงในงานฉาบผนังอิฐมอญและอิฐบล็อก

1.4 ลวดตาข่ายเสริมคอนกรีต (Concrete Reinforcement Mesh หรือ Wire Mesh Reinforcement)

เป็นลวดตาข่ายที่ออกแบบมาเพื่อใช้เสริมแรงในงานคอนกรีตโดยเฉพาะ

คุณสมบัติ

  • แข็งแรงสูงและสามารถรับน้ำหนักได้ดี
  • ช่วยเพิ่มกำลังรับแรงดึงของโครงสร้างคอนกรีต
  • ลดปัญหาการแตกร้าวและการทรุดตัวของพื้น

การใช้งาน

  • ใช้ในงานเทพื้นคอนกรีต เช่น พื้นโรงงาน ถนน และลานจอดรถ
  • ใช้เสริมแรงในโครงสร้างเสาคาน
  • ใช้ในงานก่อสร้างสะพานและอุโมงค์

 

2. วิธีเลือกใช้ลวดตาข่ายให้เหมาะกับงานก่อสร้าง

2.1 พิจารณาขนาดของตาข่ายและความหนาของลวด

  • ลวดขนาดเล็ก (0.5 – 1.5 มม.) เหมาะสำหรับงานฉาบปูนและเสริมผนัง
  • ลวดขนาดกลาง (2 – 4 มม.) เหมาะสำหรับงานเสริมแรงโครงสร้างและพื้น
  • ลวดขนาดใหญ่ (4 มม. ขึ้นไป) เหมาะสำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็กและโครงสร้างขนาดใหญ่

2.2 พิจารณาประเภทของวัสดุที่ใช้เคลือบลวดตาข่าย

  • ลวดตาข่ายชุบสังกะสี (Galvanized Wire Mesh) – ป้องกันสนิมได้ดี เหมาะสำหรับงานภายนอก
  • ลวดตาข่ายเคลือบพีวีซี (PVC Coated Wire Mesh) – เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพอากาศ
  • ลวดตาข่ายสแตนเลส (Stainless Steel Wire Mesh) – ใช้ในงานที่ต้องการความแข็งแรงสูงและทนต่อสารเคมี

 

2.3 พิจารณาโครงสร้างที่ต้องการเสริมแรง

  • งานพื้นคอนกรีต → ใช้ ลวดตาข่ายเสริมคอนกรีต (Wire Mesh Reinforcement)
  • งานฉาบปูน → ใช้ ลวดตาข่ายหกเหลี่ยมหรือ Plastering Wire Mesh
  • งานเสริมผนังและกำแพงกันดิน → ใช้ ลวดตาข่ายเชื่อม (Welded Wire Mesh)

 

3. ข้อดีของการใช้ลวดตาข่ายในงานก่อสร้าง

✅ ช่วยเสริมแรงให้กับโครงสร้าง – เพิ่มความแข็งแรงและช่วยป้องกันการแตกร้าวของคอนกรีตและปูนฉาบ

✅ ลดการแตกร้าวของผนังและพื้น – ช่วยกระจายแรงได้ดี ทำให้พื้นและผนังมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

✅ ติดตั้งง่ายและประหยัดเวลา – สามารถนำไปใช้งานได้ทันที ช่วยลดเวลาการทำงานในไซต์ก่อสร้าง

✅ ลดต้นทุนในระยะยาว – ลดปัญหาการแตกร้าวและการซ่อมแซมโครงสร้างในอนาคต

✅ ทนต่อสภาพอากาศและการกัดกร่อน – โดยเฉพาะลวดตาข่ายที่ชุบสังกะสีหรือเคลือบพีวีซี

 

สรุป

ลวดตาข่ายเป็นวัสดุสำคัญในงานก่อสร้างที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างและลดปัญหาการแตกร้าว มีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน เช่น ลวดตาข่ายเชื่อมสำหรับเสริมโครงสร้าง, ลวดตาข่ายหกเหลี่ยมสำหรับฉาบปูน และลวดตาข่ายเสริมคอนกรีตสำหรับงานเทพื้น

การเลือกใช้ลวดตาข่ายที่เหมาะสมกับงานก่อสร้างแต่ละประเภทเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันรอยแตกร้าวในผนัง การเสริมกำลังให้กับคอนกรีต หรือการสร้างรั้วที่แข็งแรง

หากคุณกำลังมองหาลวดตาข่ายสำหรับงานก่อสร้าง ควรเลือกจากผู้ผลิตที่มีคุณภาพและมาตรฐานเพื่อให้ได้วัสดุที่แข็งแรง ทนทาน และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

Similar Posts